ข้ออ้างในการหยุดแสวงหาเหตุผลในสรรพสิ่งด้วยตัวของตัวเอง เป็นการมักง่ายทางสติปัญญาอย่างถึงที่สุด
--
--
ข้ออ้างดังกล่าวนั้นคืออะไร เราสามารถเรียนรู้ได้ด้วยใจตนเพียงเท่านั้น หากลองพินิจพิจารณาถึงประเด็นในเรื่องความชอบธรรม(legitimacy) โดยมีหลักนิติธรรม(rule of law)มาเป็นแกนในการวิเคราะห์ ex.นาย A ขโมยถุงข้าวแกงเพื่อนำมาให้มารดาที่ป่วยและหิวโดย ถ้าพิจารณาเพียงแค่ความถูกต้องตามตัวบทกฎหมายโดยไม่ได้นำความชอบธรรมมาพิจารณาประกอบด้วย นาย A จะผิดแน่นอน แต่นักกฎหมายนั้นการใช้กฎหมายไม่เฉพาะแต่การใช้ตามตัวบทกฎหมายเท่านั้น หากแต่ยังต้องพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายด้วยเช่นกันนั่นหมายความว่าจะต้องดูที่เหตุผลหรือความมุ่งหมายในการที่จะบัญญัติกฎหมายนั้นๆขึ้นมาด้วย เพราะกฎหมายนั้นเป็นเพียงหนึ่งในบรรทัดฐานของสังคม(social norms) ทั้งนี้เพื่อดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขของประชาชน เราอาจสรุปได้ว่า โดยหลักแล้วการใช้กฎหมายนั้นจะต้องใช้ตามบทกฎหมาย(ประเทศเราใช้กฎหมายในระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษรก็คือต้องยึดตามประมวลกฎหมายเป็นหลัก) ไม่เพียงเท่านั้น เราจำต้องดูที่เจตนารมณ์ของกฎหมายดังที่กล่าวมาแล้วเช่นกัน ...
--
บริบทของสังคมนั้นสำคัญไฉนต่อความชอบธรรมหรือการใช้เหตุผล ในยุคจักพรรดิ์จิ๋นซี(ที่สร้างกำแพงเมืองจีน) ผู้คนต่างๆนั้นเชื่อในคำสอนและปรัชญาของขงจื้อ จุดร่วมที่เหมือนกันกับเรื่องของความชอบธรรมในสังคมนั้นก็คือ ปรัชญาของขงจื้อนั้นจะเน้นในเรื่องการนำคุณธรรมมาตัดสินปัญหาด้วย โดยอาจจะขัดกับตัวบทกฎหมายด้วยเช่นกัน ในยุคที่ประเทศจีนแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า .... คือต้องเข้าใจก่อนนะว่าประเทศจีนไม่ได้รวมกันเป็นกลุ่มๆ แต่ว่ารวมกันเป็นก๊ก ดังนั้นการที่รัฐจะควบคุมผู้คนนั้นจะทำให้เกิดความยากลำบาก แบบนี้ก็แย่ซี้ครับ เพราะพื้นฐานของการปกครองของประเทศจีนนั้นจะต้องทำโดยการยึดการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการที่จะไม่โอนอ่อนต่อสิ่งที่ผิดกฎหมาย(rule by law)โดยไม่แม้แต่จะคำนึงถึงเรื่องความชอบในแง่ของศีลธรรมเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่มีความชอบธรรมในกฎหมายที่ตราขึ้นมาใช้เองทั้งสิ้น จิ๋นซีฮ่องเต้จึงสั่งประหารหมู่นักวิชาการขงจื้อ การเผาตำราขงจื้อ ฝังนักวิชาการทั้งเป็น ... อนิจจา จิ๋นซีฮ่องเต้นั้นกลัวความตายมากพยายามหายาอายุวัฒนะแต่สุดท้ายก็สิ้นพระชนม์ลงพร้อมกับการล่มสลายของรางวงศ์ฉินและการปกครองโดยขาดความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority)ในกาลต่อมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น