...วันนี้แว้บไปอ่านบอร์ดของน้องปี2ที่จัดในงานรพี น้องเขาเอารูปจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ นักเศรษฐศาสตร์การเงินขั้นเทพในสมัยปรีดี ในหัวข้อ "จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" ปกติผมเคยอ่านประวัติของอาจารย์เขามาไม่มากนัก(งูๆปลาๆ)ถ้าจะกล่าวถึงบทความดังกล่าวถือว่าเป็นหนึ่งในบทความเทพๆที่พูดถึงรัฐสวัสดิการและความเท่าเทียมกันในสังคมได้อย่างดีแตกเลยทีเดียว ผมขอยกท่อนหนึ่งในบทความมาอ้าง
"เมื่อผมอยู่ในครรภ์มารดา ผมต้องการให้แม่รับประทานอาหาร ที่เป็นคุณประโยชน์ และได้รับ ความเอาใจใส่ และบริการอันดี ในเรื่องสุขภาพของแม่และเด็ก"
รัฐสวัสดิการถ้ามองในกรอบคิดของสังคมที่มีแต่คนตกงาน สภาพทางเศรษฐกิจตกต่ำถึงขนาดที่ประชาชนขอขนมปังกินในฝรั่งเศษ ศตวรรษที่ 17(เหตุการทลายคุกบาสตีล) แต่ถึงกระนั้นฝรั่งเศษก็ไม่ประสบผลสำเร็จในการเป็นรัฐสวัสดิการที่ดีเท่าที่ควร การย้ำถึงนโยบายการเก็บ tax75%(ภาษี ณ ที่จ่าย) หากเป็นเช่นนี้ถ้าการที่เป็นคนขยัน มีความสามารถ ต้องโดนลงโทษจากสังคมด้วยการเก็บภาษีแบบนี้ผลที่ตามมาคือพวกเศรษฐีต่างๆโอนสัญชาติหนีออกลิบ ผลที่ตามมาอีก นวัตกรรม การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ก็ด้อยลงไปตามระเบียบ ผมมองว่าแนวคิดที่สำคัญลำดับต้นๆเป็นการโจมตีแนวคิดเสรีประชาธิปไตยอยู่กลายๆ กล่าวคือการเก็บภาษีคนรวยที่แพงโครตๆเพื่อที่จะมาพัฒนาประเทศเป็นการป้องกันไม่ให้คนรวยเอาเปรียบคนจนมากจนเกินเหตุ คนรวยรายได้เยอะก็กินเยอะ ชนชั้นกรรมกรก็เพ้อฝันกับการทำงาน 2-3 เท่าสำหรับค่าแรงเพียงหยิบมือสำหรับข้าวค่ำตอนเย็น...
ถึงยังไงรัฐสวัสดิการในการปกครองสังคมนิยมกับเสรีประชาธิปไตย การปกครองแบบไหนทำให้การอยู่กินของประชาชนดีกว่ากัน อันนี้ผมมองไม่ออกจริงๆ(อาจกล่าวได้ว่ายังด้อยความรู้ในการสังเคราะห์ประวัติศาสตร์ในประเทศแม่แบบการปกครองทั้งสองแบบอย่างจริงจังเท่าที่ควร)
---บ่นมาตั้งนาน
"ขอชื่นชมบอร์ดงานรพีปีนี้ น้องปี2จัดได้ถูกใจผมจริงๆ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น