วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

อภิมนุษย์ของนิชเช่



 ...ผมเคยคิดว่าพีธากอรัสอวยมนุษย์ดูสูงส่งเกินไปเสียกระมัง แต่หลังจากสนทนากับอาจารย์ท่านหนึ่งนอกคลาส ผมคิดว่าพีธากอรัส คงไม่ได้พูดให้เวอร์เกินจริงมากเท่าไรนัก กระบวนการคิดของมนุษย์ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเรื่องไหนต่อเรื่องไหน(เพราะผมถามอาจารย์ท่านนี้คำถามนึงว่า"แล้วศิลปะกับโลกสมัยใหม่มันเชื่อมโยงกันยังไงครับ" อันที่จริงแล้วมันเชื่อมโยงได้หมดในทุกๆเรื่องนั่นอยู่ที่เราจะเอาอะไรไปเป็นเกณฑ์เพื่อนำไปศึกษา
พีธากอรัสเชื่อว่า โลกนี้ต้องมีความรู้อยู่ที่ไหนสักแห่ง "มนุษย์คือบรรทัดฐานสำหรับสรรพสิ่ง" คือคำกล่าวอันโด่งดังของเขา มนุษย์สามารถใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของความเปลี่ยนแปลง รับรู้ วัดขนาด ศึกษาทุกอย่างรอบตัว และนำมาสังเคราะห์เป็นความรู้ได้ เราอาจเรียกแนวคิดนี้ว่า Extreme Relativism (สัมพันธนิยมสุดโต่ง)

อย่างไรก็ตามผมขอพูดถึงนิชเช่(Friedrich Wilhelm Nietzsche) ที่เน้นในเรื่องของการเป็นมนุษย์ที่มองว่าศีลธรรม ศาสนา จารีตฯ(นิชเช่ไม่เชื่อในศาสนาคริสต์และมองว่าคำสอนของศาสนาคริสต์ เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ไปทำลายความเป็นตัวของตัวเอง ทำให้เรากลายเป็นคนอ่อนแอและเป็นทาสของความคิด ซึ่งทำให้การดำเนินชีวิตของเรานั้น เต็มไปด้วยการครอบงำจากสิ่งอื่น ๆ เหมือนชีวิตเราเป็นของผู้อื่น) หรืออะไรก็ตามที่ใช้คอนโทรลมนุษย์ในสังคม ทำให้เห็นว่านิชเช่นั้นมุ่งที่สร้างกระบวนการทางกายภาพ(physical method) คือนิชเช่มีความคิดว่าต้องทำให้มนุษย์นั้นเป็น "อภิมนุษย์" รู้จักควบคุมกิเลส ความโลภต่างๆที่จะทำให้เป็นมนุษย์ที่เหนือยิ่งๆขึ้นไป นั่นทำให้เราสามารถมองเห็นผลที่แสดงออกมาจากการกระทำได้เป็นรูปธรรมชัดเจนแน่นอน ผมมองว่าไม่ใช่สิ่งนี้หรอ? ที่มนุษย์ทุกคนต้องการที่จะรู้จักกับมัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น