ความไร้เหตุผลของมนุษย์
ชีวิตประจำวันของเราอาจประกอบด้วยการลุกขึ้นฉับพลันเมื่อนาฬิกาปลุก วิ่งขึ้นลงรถไฟใต้ดินสายเดิม ใช้ชีวิต4ชั่วโมงในการทำงานเดิมหรือในโรงงาน จากนั้นก็กินอาหารร้านเดิมๆ จากนั้นก็ทำงานอีก 4ชั่วโมง กลับเข้านอน วันจันทร์ อังคาร พุธ ศุกร์ เสาร์และวันแล้ววันเล่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเดินไปตามจังหวะของมัน ซึ่งก็เป็นวิถีง่ายๆที่จะปฏิบัติตาม แต่หากวันหนึ่งมีคำถามว่า "ทำไม" เกิดขึ้น ทุกอย่างจะเริ่มต้นด้วยความเบื่อหน่ายและเต็มไปด้วยความสงสัย ชีวิตประจำวันของเราประกอบด้วยความไร้เหตุผล ดังนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความไร้เหตุผลนี้มนุษย์จึงสร้างสิ่งหลอกลวงตัวเองขึ้น เราจะเห็นได้ว่าการ"เริ่มต้น" นั้น ที่สุดแล้วก็คือความเบื่อหน่าย
สารัตถะจริงๆของมนุษย์ก็คือ"เสรีภาพ" มนุษย์สามารถสร้างคุณค่าให้กับตัวเองโดยเอาตัวเองเป็นที่ตั้งอยู่(existence) แม้ว่ามนุษย์ในยุคศตวรรษที่15 จะอาศััยคุณค่าจอมปลอมของตัวเองโดยมี"พระเจ้า"(God)เป็นตัวตั้งอยู่ ถึงกระนั้นไม่ว่าพระผู้เป็นเจ้าหรือสิ่งใดๆที่สามารถสร้างตัวตนของมนุษย์ขึ้นมาก็เป็นเพียง "คำสาปที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ" ไปได้อีกต่อไปแล้ว ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่เราเลือกได้เองไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา หรือ พรหมลิขิต
เรากำหนดว่าจะเป็นคนอย่างไร เลือกได้เองว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร รวมถึงแนวทางชีวิตที่เราต้องการ ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ
และเมื่อเลือกแล้ว เราจะไม่โทษใคร หรือสิ่งอื่นภายนอก เว้นไว้แต่การตัดสินใจของตัวเราเองในทุกเรื่อง เราจึงรับผิดชอบต่อผลให้หลังเสมอ
สิ่งต่างๆนั้นเกิดล้วนเกิดจากสำนึกของมนุษย์ มนุษย์ได้กระโดดโลดเต้นในความไม่มีเหตุผล โดยกำหนดสิ่งต่างๆขึ้นมาเพื่อที่จะคลายความเบื่อหน่าย แม้ว่า่คุณค่าของมนุษย์จะอยู่ที่อะไรก็ตาม มนุษย์ก็ได้สร้างมิติใหม่ขึ้นมาได้เสมอ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่วงล้อของมิติที่สร้างขึ้นมาจะเกิดความขัดแย้งของมนุษย์ขึ้น ความขัดแย้งมักจะมีรากฐานมาจากความอิจฉาริษยา(envy) ซึ่งหากมองลึกๆแล้วมันเป็นเรื่องของชนชั้น เราไม่สามารถอิจฉาขอทานด้วยเหตุผลเพียงว่า เขาจะนอนที่ไหนก็ได้ เดินไปไหนก็ได้ มีอิสระดีฯ หรอกใช่ไหมละ ดังนั้นมิติที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเมื่อมีความขัดแย้งจึงต้องกำหนดโครงสร้างของข้อจำกัด(limit) ให้กับตัวเองเสมอ
ชีวิตก็คือความ"น่าเบื่อ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น