วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Diary-Chiangmai


ผมโน้ตในระหว่างนั่งรถกลับโคราช อีก13ชั่วโมงจะถึงโคราช...ผมอ่อนใจเมื่อต้องจากเมืองที่มีกลิ่นอายของอาณาจักรล้านนาไปเสียแล้ว ช่วงเวลาสนุกๆที่มาพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆมักผ่านไปเร็วเสมอ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับสิ่งดีๆที่ปะทุขึ้นมาเรื่อยๆตลอด3วัน2คืนของผมที่เชียงใหม่ สิ่งเหล่านี้เองที่ส่งผลให้ผมกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองด้วยพลังงานชีวิตที่ถูกชาร์จมาเต็มร้อย
Day#1/ 20.30-08.55 ผมลุยเชียงใหม่กับเพื่อนที่โคราช1คนด้วยเหตุผลง่ายๆคืออยากมาเที่ยวและไปหาเพื่อนที่รู้จักกันเพียงแค่ในเกมส์ แต่ไม่เคยเจอตัวจริงกันแม้สักครั้ง ก่อนขึ้นรถกระดกเบียร์ไป2ขวด นั่งรถทัวร์มาถึงสถานีขนส่งอาเขต เกือบๆ13ชั่วโมงจากโคราช หลังจากนั้นประมาณ15นาทีเพื่อน2คนก็มาขับรถมอไซ'มา2คันเพื่อไปงานแข่งเกมส์ที่มหาลัยฯเชียงใหม่
09.00-10.00 ผมเป็นคนไม่พกโทรศัพท์แต่นั่งมอไซค์ไปกับเพื่อนที่ไม่ใช้โทรศัพท์เหมือนกัน. ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้หลงกับเพื่อนอีก2 คน วนอยู่ในเขาวงกตที่ชื่อว่า"มช". เกือบๆ40นาที -__-
10.00-13.00 เมื่อเข้าไปงานแข่งเกมส์ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนักอาจเพราะไม่ใช่เด็กๆเหมือนสมัยก่อนแล้ว
13.00-15.00 วางแผนจะไปขึ้นดอยสุเทพกันต่อเพราะห่างจากตัวเมืองเพียง20กว่ากิโลเอง ซื้อเบียร์ไป7ขวดกะว่าจะเอามาหวดกันที่น้ำตกบัวบานซึ่งอยู่ระหว่างทางขึ้นดอย.
ขับขึ้นไปได้นิดหน่อยก็แวะไปไหว้ครูบาศรีวิชัยเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย
-เรื่องรันทดใจเกิดขึ้นเมื่อตำรวจท่องเที่ยว ขับรถตามพวกผมและบอกทำนองว่า ตามพรบฯบลาๆ จับประเด็นง่ายๆเลยคือ"พวกคุณมรึงห้ามเอาเบียร์มากินแถวนี้55" สรุปคือไม่ได้ขึ้นดอยเฉย แล้วเบียร์ที่ซื้อมาละจะเอาไง.
15.00-18.00 เพื่อนผมเริ่มมารวมตัวกันประมาณ7คน. ใช้แผนสำรองคือไปอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อ.แม่ริม ประมาณ20-30โล จากตัวเมือง สวยเลยครับเพราะมันมีซุ้มไว้กินอาหาร. บรรยากาศล้อมๆสวยมาก ข้างหลังเป็นภูเขาโอบล้อม คล้ายกับอ่างเก็บน้ำที่ผสมผสานกับทะเลสาบแถวๆเมืองทรานซิลเวเนียก็ไม่ปาน อาหารก็อร่อยมากๆด้วยเหมือนกัน
18.00-20.00 เมื่อกินเสร็จแล้ว เพื่อนๆพาผมไปเช่าโรงแรมอยู่ก่อน(วันแรกเช่าโรงแรม วันที่สองนอนบ้านเพื่อน). นัดกันว่า2ทุ่มจะไปตื้ดกัน
19.00-20.00 มีเพื่อนอีกคนหนึ่งมันเพิ่งรู้ว่าพวกผมมาเชียงใหม่ ไอ้นี่ตรงดิ่งมาโรงแรมพร้อมเบียร์อีก8 ขวด เมาเสียงดังในห้อง เจอเจ้าของโรงแรมมาด่าสิครับ 555 จากนั้นเอาเบียร์ที่เหลือย้ายไปกินที่บ้านน้องๆแถวนั้น
20.00-24.00 ไปเมาต่อที่Differ(ร้านเหล้านั่งชิลล์).
24.00-03.40 กลับจาก Differ. กำลังจะไปต่อที่ร้านลาบบังเกอร์ร้านลาบขึ้นชื่อของเชียงใหม่ คนเยอะมาก เมื่อมาถึง"สะพานเหล็ก" ทางผ่าน...สะพานที่หัวและท้ายสะพานเต็มไปด้วยตำรวจบ้านและรถพยาบาลจอดอยู่ ผมเริ่มรู้คำตอบแล้วเมื่อพวกเพื่อนๆหัวร้อนของผมสวมวิญญาณนักรบ(เกือบไปมีเรื่อง) พูดง่ายๆคือสะพานนี้ตอนดึกๆจะอันตรายมาก มีคนต่อยตีกันบ่อย. ซึ่งผมก็ได้แชะรูปไว้หลายรูปเหมือนกันกับสะพานเจ้ากรรมอันนี้ /. เมื่อกินลาบบังเกอร์เสร็จก็กลับที่พัก Zzz
Day#2/ 10.00-12.00 ไปกินข้าวซอยไก่ตอนเช้า นัดรวมพลเตรียมไปล่องแพตอนบ่ายๆ เรื่องเล่าสยองหนึ่งบรรทัดของวันนี้คือ เพื่อนคนหนึ่งที่มีรถยนต์มันพูดกับผมว่า "รถผมหม้อน้ำเสียวะพี่" -สถานที่ๆจะไปล่อแพนั้นอยู่ที่ อ.แม่วาง ถ้านับกิโลจากที่พักที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ไปยังสถานที่ล่องแพรก็ประมาณเกือบ40โล นี่ผมต้องขับมอไซ'หน้าแห้งกรอบๆ40โลเพื่อไปล่องแพรใช่ไหม
15.00-17.30 ได้เวลาลุย นี่เป็นการล่องแพรครั้งแรกในชีวิตของผม พวกผมเช่าแพรกัน2 ลำ(ไม่รู้เรียกเป็นอะไร) พร้อมซื้อเบียร์มากินอีก1ถาด เอาใส่ถังไว้ ... ลอยไปได้ยังไม่ถึง5นาที เมื่อหมวกเพื่อนผมตก ไอ้เราก็หวังดีกำลังจะคว้าขึ้นมาให้ แต่น้ำโครตเชี่ยว ตกสิครับ แล้วแพรข้างหลังมากระแทกหัวอีก555 ผมสะบัดผมพร้อมเอามือลูบผมขึ้น เสยขาแว่... ไอ้สัสแว่นผมตกน้ำ.
-ตลอดทางจะมีแก่งหินใหญ่ หินเนี้ยเต็มไปหมด มันจึงทำให้การล่องแพรเป็นไปด้วยความยากลำบาก adventure สุดๆ พวกผมชิลล์ๆกันหนักมาก ล่องๆหยุดๆกินเบียร์/สูบบุหรี่ ไปพลาง เมาก็เมา เกือบจะถึงจุดสุดท้ายตอนนั้นแว่น
ผมตกน้ำ มองอะไรไม่เห็นเลย. เห็นเงารางๆดำๆอยู่ข้างหน้า พอแพรไปใกล้ๆ - นี่มันช้าง โห ตัวอย่างใหญ่มากัน4-5 ตัว พวกมันเดินมาเล่นน้ำพร้อมกับมนุษย์ฝรั่งที่อยู่บนหลัง. ควาญช้างที่อยู่ข้างๆคอยควบคุม "ถ้าแพรกูชน. กูวิ่งนะ" ในใจผมคิดงั้น แต่ก็ผ่านไปด้วยดี
- จุดอันตราย100เมตรก่อนถึงเป้าหมาย น้ำเชี่ยวมากที่สุดบวกกับโขดหินแต่ละอันนี่ใหญ่มาก น้ำเชี่ยวมากจนถึงขนาดที่เพื่อนผมคนหนึ่ง ที่ขึ้นแพรมาด้วยกัน ตกน้ำแล้วถูกกระแสน้ำพัดพุ่งลงไปเร็วราวกับว่ามันโดดลงเล่นสไลด์เดอร์ของเด็กๆ
แพรของผมติดอยู่บนแง่งหินขนาดใหญ่ ผมกับเพื่อนสองคนช่วยกันดันแพรให้ลงจากก้อนหิน น้ำแม่งก็เชี่ยว จะพัดลงไปให้ได้ตลอด แผลที่ได้มาจากการถูกแพรแพรพัดไปโดนหินบ้างกิ่งไม้บ้างเต็มขา สุดท้ายก็ลงมาได้..นี่ใช่ไหม ขี่ช้างล่องแพร
18.40-24.00 ขากลับว่าจะแวะแกรนแคนยอน แต่สภาพไม่ไหวละพังมาก เมื่อถึงบ้านของน้องที่รู้จักกัน กินน้ำพริกอ่องกับผักปั๋งซึ่งมันดูคล้ายๆน้ำพริกหมูและผักต้มของบ้านเรานั่นแหละ คือเพลียมากๆไม่อยากทำไรต่อละ อยากพักผ่อน รีแลกซ์ที่ร้านเกมส์ จนถึง 24.00 จึงไปนอนที่บ้านน้องแถวๆนั้น
Day3#. มิตรภาพที่เกิดจากเกมส์มันสวยงามเอามากๆ เพื่อนๆที่เชียงใหม่ เขาช่วยทุกอย่างทั้งพาเที่ยว พากิน ที่พักพร้อมเสร็จสรรพ น้องๆบางคนเขาไม่รู้จักผมมาก่อน แต่พอเจอกันครั้งแรกเขาก็ดีกับผมมากๆ
Ps#1 ในวันแรกที่ไปถึง เมื่อเพื่อนผมจอดรถแกล้งผมแถวๆย่านโสเภณีแล้วเรียกเจ้าถิ่นมา "2คน800 ไม่ค้าง". นั่นคือคำพูดของเจ้าถิ่นผู้เป็นหญิงในร่างของผู้ชาย. น้ำตาผมแทบไหล พลางกระซิบใส่เพื่อนว่า "สงสารผมเถอะ". เพื่อนผมสวนไปหาผมว่า "สบายนะพี่ แค่เกาะขอบกำแพง ก็พอแล้ว". ...
Ps#2 ผมสายตาสั้นถึงระยะ400 แทบจะเรียกได้ว่ามองอะไรไกลๆไม่ค่อยเห็นเลย ดังนั้นแว่นจึงเปรียบเสมือนหนึ่งว่าเป็นอวัยวะที่เชื่อมประสบการณ์ที่ผมได้รับ ผ่านการกรองเลนส์ด้วยภาพที่พาผ่านเข้ามาส่งผลให้มันตกผลึกภาพประสบการณ์นั้นไว้ในความทรงจำของผม เมื่อแว่นเป็นสิ่งซึ่งคอยบันทึกความทรงจำของผมเสมอมาจะหล่นไประหว่างล่องแพร แต่ผมคิดว่ามันคงไม่แย่เท่าไรนักหากความทรงจำของผมมันจะวนอยู่รอบๆกระแสน้ำของ อ.แม่วาง จว.เจียงใหม่ ^__^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น