Sanityy.diary
วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559
Be my self
พรุ่งนี้จะไปเสพกวีของพี่ตุลย์ อพาร์ตเม้นคุณป้า ไปฟังพี่เล็กgreasy cafe โซโล่เพลงเงาของฝนจากukulele แบบเหงาๆ ผมก็แค่อยากเขียนมินิไดอารี่นี้ไว้ว่า...
ก่อนจะ"ผ่าน"ปีเก่าไป ปีแรกที่เรียนจบ ปีที่เริ่มลองผิดลองถูกในการใช้ชีวิต ปีที่ผิดหวังเรื่องเรียนทั้งๆที่ไม่เคยเจอมาก่อน สอบตกครั้งแรกนับแต่เรียนมหาลัยมา ได้รู้ถึงความไม่มุ่งมั่นเท่าที่ควรของตัวเองครั้งแรกที่ร้องไห้เพราะเรื่องเรียน โครตน่าขันเลย ปีที่เรียนรู้การอยู่คนเดียว"จริงๆ" ตลอดเวลา4เดือนนับจากนี้ มันเป็นอะไรที่เรียลมากๆ ป้าร้านข้าว ลุงที่สนามวิ่ง น้าร้านโจ้ก พี่กี้ซักรีด และอีกหลายๆคนที่มาคลุกคลีกับการดำเนินชีวิตประจำวันของผม ทุกอย่างมันกำลังสอนผมอยู่ ปีนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่เพียงสักนิด....
ก่อนจะ"เริ่ม" ปีใหม่ การที่ได้ตระหนักว่าเมื่อเราโตขึ้นไปเรื่อยๆปัญหาในวัยเด็กจะดูเป็นเรื่องเล็กๆไปในทันใด การสบถความคิดแบบนี้มันด็ดีนะ เพราะมันทำให้ผมปลงๆกับปัญหาอะไรที่มันติดตัวผมมาตลอด ก็คิดง่ายๆว่ามีปัญหาก็ต้องแก้ คือผมพูดเหมือนกับว่ามีปัญหาโลกแตกมากมายจังเลยในชีวิต ความจริงไม่ใช่หรอกครับ555 มันก็ปัญหาอาทิเช่นเรื่องเรียนคือต้องขยันกว่าเดิมเพราะว่าเรียนตกไง เมื่อลดน้ำหนักได้แล้วสิ่งต่อไปคือต้องเพิ่มวินัยให้ตัวเองและดูแลสุขภาพตัวเองให้มากขึ้นอีก อีกอย่างพอเวลามีปัญหาไม่มีใครมาโอ๋เหมือนเด็กๆแล้วนะ
ปีทีรู้จักรักตัวเองและแบ่งปันให้คนอื่น
-ผมเลิกบุหรี่ได้แล้วเด็ดขาด แม่ดีใจมากและแม้เพียงนิดเดียวยังมีโอกาสที่พ่อผมจะเลิกเหมือนกันเพราะเห็นลูกเลิกได้แล้ว เหมือนพ่อจะอายผมนิดๆ55
-ผมนอนเร็วขึ้น ปกติผมนอนเช้าทุกวัน ตื่นตี5เพื่อมาวิ่งทุกวัน ทาครีมเช้าเย็น กินกลูต้า หาอาหารเสริมพวกวิตามินมากิน ผมมีนิสัยรักสุขภาพตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
-เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง ผมชอบตัวเองในตอนนี้มาก ผมไม่โทรมเหมือนแต่ก่อน หน้าไม่คล้ำไม่หมอง
-ตอนนี้ผมกำลังทำโปรเจคเล็กๆของตัวเองน่าจะเสร็จประมาณปีหน้าคือหาเงินเข้ามูลนิธิสัตว์เร่ร่อนหรือผู้ป่วยที่พิการ หาเงินโดยการติวหนังสือและทำชีทขาย หักค่าใช้จ่ายและนำไปบริจาค เหตุผลคือไม่มีอะ55ผมทำแล้วมีความสุข บางครั้งการที่เราได้แบ่งปันสิ่งดีๆให้คนอื่น ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ ชีวิตเราสั้นเกินไป...ที่จะอยู่เฉยๆ เราไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่พอที่จะเปลี่ยนแปลงโลก เราแค่ทำสิ่งเล็กๆที่เราทำได้ เมื่อทำแล้วสิ่งนั้นจะอยู่ในความทรงจำเราไปตลอด คิดแค่ว่าเราทำสิ่งที่ดีอยู่ ทำเพื่อตัวเอง เพื่อพ่อแม่ เพื่อคนที่ผมรัก แค่นั้นก็พอแล้ว
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
ไม่เหมือนกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีสิ่งไหนที่เหมือนกันหรอกนะ ยกตัวอย่างความสัมพันธ์ในเชิงลึกอย่างเช่นความรัก.. เมื่อพูดถึงความรักก็ต้องพูดถึงเรื่องเซ็กส์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากการร่วมเพศ(sex) เป็นเรื่องที่เหมือนกัน งั้นผมจะอึ้บกับเมียผมแค่ครั้งเดียวแค่นั้น เพราะว่ามันไม่เหมือนกันไง แค่ครั้งเดียวก็พอ นั่นก็ทำไม่ได้เพราะว่าสารัตถะของการมีsexนั่นมันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น เอาเป็นว่าลีลาsexของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน
นักปรัชญาท่านหนึ่งมีความคิดว่าชีวิตๆหนึ่ง จริงๆแล้วมันคือการหมุนซ้ำๆ คล้ายกับเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่มีกำลังขับเคลื่อนทำงานอย่างไม่รู้จบ แม้มันจะเกิดปรากฎการณ์ที่หมุนอย่างซ้ำๆเพราะยังไงเราก็รู้ว่าไม่ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน ผลสุดท้ายมันก็สิ้นสุดตรงที่ความตาย จากนั้นเครื่องจักรเครื่องนี้ก็ผลิตชีวิตออกมาใหม่เพื่อทำสิ่งเดิมๆไปเรื่อยๆ หมุนก็หมุนวนอยู่อย่างนี้ แต่นั่นคือชีวิตประจำวัน รวมถึงจุดมุ่งหมายของการใช้ชีวิตของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนต้องการนู่นนี่นั่นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว หรือคุณจะให้คนสูงอายุที่ต้องการเคี้ยวหมากและจับเข่านั่งคุยกับเพื่อนวัยชราด้วยกันในเรื่องอดีตของลูกๆขึ้นมาเล่นเกมส์fifa online กับหลานๆมันก็ไม่ใช่
ในกรอบคิดของภาพศิลปะงานศิลปะAbstract(นามธรรม) หรืองานมโนศิลป์ที่ไม่มีรูปร่างตายตัว การวาดภาพที่บ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้เขียน ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นจากประสบการณ์ในงานคณะมนุษย์ฯที่จัดขึ้น ผมจะเห็นนักศึกษาเอกศิลฯ นำผลงานนี้มาโชว์เยอะเลยครับ ภาพแนวนี้มันเป็นภาพที่บูดเบี้ยว ไม่เหมือนกับภาพที่คนทั่วไปใช้สายตามองแล้วชื่นชมในทันที บางภาพเป็นรูปเสมือนจริงให้ความรู้สึกReal มากๆแต่แขนขาสลับบนล่างซ้ายขวาอย่างน่าแปลกประหลาดมัน”ไม่เหมือน”ครับ ภาพวาดแนวนี้มันแตกต่างจากภาพเขียนแนวอื่นๆโขเลยครับ นั่นแหละครับแม้ผมจะไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านนี้มากนัก แต่ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างตามภาษาคนที่มองเห็นอะไรก็เล่าให้ฟังไปอย่างนั้น ผมคิดว่านักวาดภาพทุกคน ในขณะที่วาดผู้วาดย่อมมีความรู้สึก บรรยากาศสิ่งแวดล้อม ปัญหาต่างๆที่ ไหลเวียนอยู่ในหัวของผู้วาดคนนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้นอกจากเขาหรอกครับ จากนั้นเขาถึงบรรจงวาดภาพออกมาที่ให้ความรู้สึกเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
ภาพที่สวยสำหรับผมแล้วมันไม่ใช่ภาพที่มองแล้วดูว่าภาพนั้นสวยในทันที แต่มันเป็นภาพที่มองแล้วมันเกิดความรู้สึกใดๆเป็นพิเศษ มันทำให้เกิดอารมณ์ร่วมไปกับการมองภาพนั้น เราจะเห็นว่าภาพเขียนที่ศิลปินระดับโลกวาดมาแต่ละภาพ บางคนอาจมองว่าภาพนี้วาดก็เหมือนจะง่ายๆ แต่การวาดภาพแล้วทำให้คนมาชื่นชมภาพแล้วเกิดอารมณ์ร่วมมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ยกตัวอย่างเช่นผมวาดภาพพระอาทิตย์มาภาพหนึ่ง คุณเห็นอะไรจากสิ่งนั้นเมื่อมองภาพนี้ สำหรับผมแล้วผมรู้สึกถึงคำพูดหนึ่งมาในหัว “เหล่าเทเลทับบี้ออกมาวิ่งเล่น นั่นไง..” ผมเห็นวัยเด็กของผมที่นอนดูเทเลทับบี้ได้จังหวะกำลังสนุกได้ที่แล้ว มีดวงอาทิตย์หน้าเด็กน้อยมาขัดจังหวะด้วยคำว่า “หมดเวลาสนุกแล้วสิ”
ผมบอกแล้วไงว่ามันไม่เหมือนกัน ^^
Felling for nrru bechelor of law
-ชีวิตที่ไม่ค่อยจะมีเพื่อนเท่าไร แต่เรามั่นใจว่าดนตรีจะอยู่กับเราตลอดไป
[เราเสพดนตรี]
[เราเสพดนตรี]
-ถ้ามีคนๆนึงบอกกับเราว่า"เขามีอนาคต" เราว่าเขาได้เริ่มโกหกหรือเป็นการโฆษณาชวนเชื่่อเกินจริง เพราะเขาคนนั้นสามารถมีในสิ่งที่ที่ยังไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร
[เราไม่เชื่อในอนาคต]
[เราไม่เชื่อในอนาคต]
-ขอให้ความพ่ายแพ้เป็นการเรียนรู้
-ขอให้การหกล้ม คือการพักเพื่อเริ่มใหม่
-ขอให้การสูญเสีย เป็นเพียงเครื่องวัดใจ
[แค่เตือนว่าเรายังหายใจอยู่]
-ขอให้การหกล้ม คือการพักเพื่อเริ่มใหม่
-ขอให้การสูญเสีย เป็นเพียงเครื่องวัดใจ
[แค่เตือนว่าเรายังหายใจอยู่]
ไม่รู้ว่าเรียนจบไปแล้ว อนาคตจะเจอสังคมแบบไหนอีก แต่เราจะทำมันให้ดีที่สุด ไม่ว่าในเรื่องการปรับตัวหรือการศึกษาต่อฯ แต่เดิมเราเรียนกฎหมายเพราะคิดว่ามันเท่ห์ เราไม่ชอบท่องมาตรา ไม่ค่อยฝึกเขียนเท่าไหร่ เราเริ่มต้นเรียนกฎหมายโดยมีพื้นฐานมาจากการอ่าน การที่เราเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือทุกชนิดมาตั้งแต่เด็ก จนปัจจุบัน เราก็ยังขี้เกียจท่องมาตรา ยังอ่านหนังสือกฎหมายได้ไม่เยอะ ยังฝึกเขียนไม่ทันท่วงที แต่ยิ่งเรียนมาเรื่อยๆ เราก็เกิดความรักในกฎหมาย เรารู้ว่ามันยาก...แต่เราจะพยายาม กับสิ่งที่เรารักแล้ว เราก็พร้อมที่จะทุ่มเทให้กับมันในทุกๆเรื่องๆ จริงไหม...
ทำไมมีแต่คนตำหนิสถาบันที่เราเรียนละ เรามีความสุขมากๆนะ ที่ได้เรียนกฎหมายภายใต้สถาบันที่ชื่อว่าราชภัฏ เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้เจออาจารย์ เพื่อนๆทุกคน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ทั้งการรับน้อง การแจกลายเซ็น กีฬา สันทนาการต่างๆ งานเลี้ยงซีเนียร์ แม้กระทั่งการที่เราได้มีโอกาสมาติวหนังสือรุ่นน้องบ้างเป็นบางครั้ง ปกติเราโพสต์สเตตัสในเฟสบุคมีแต่ยาวๆถ้าใครอ่านมาถึงบรรทัดนี้จริงๆ เราอยากให้รู้ว่าเราชอบที่นี่มากๆและขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆทุกคนนะครับ
[เรามีความสุขมากๆนะ 4ปีที่ได้เรียนที่นี่ เราขอบคุณทุกๆอย่างที่ผ่านเข้ามา]
ค่าของคน?
วันนี้ผมอ่านคำบรรยายเนฯวิชาอาญาหัวข้อเรื่องการกระทำโดยป้องกันและการกระทำโดยจำเป็น อ่านไปเรื่อยๆ(ผมขอไม่ลงรายละเอียดมากนะครับ เอาเฉพาะหัวข้อที่เป็นประเด็น) จนไปเจอเรื่องความแตกต่างระหว่างจำเป็นและป้องกันหลักๆหนึ่งบอกว่า
สัดส่วนของการกระทำโดยป้องกันนั้น ในกรณีที่เป็นภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายและการกระทำโดยโต้ตอบของผู้ป้องกันมีความร้ายแรงพอๆกัน อธิบายพอให้เข้าใจว่า หากการกระทำของผู้ที่ก่อภัยนั้นมีความร้ายแรงขนาดไหน ผู้ที่ทำการป้องกันนั้นก็จะต้องกระทำต่อผู้ก่อภัยในลักษณะที่ร้ายแรงพอๆกันด้วย ex.a จะยิง b/b เลยยิง a จะเห็นว่าการกระทำของทั้ง2คนมีความร้ายแรงพอๆกัน กฎหมายนั้นถือว่าการกระทำของผู้ที่ป้องกันนั้นได้สัดส่วนและพอสมควรแก่เหตุ เมื่ออ้างป้องกันได้เพราะเหตุผลที่ยกขึ้นมาดังกล่าว(แต่หลักจริงๆมันมีเยอะนะครับ) จึงถือได้ว่าการกระทำของ b นั้นกฎหมายยกเว้นความผิดให้ bจึงไม่ต้องรับผิดในผลนั้นคือความตายของ a นั่นเอง
สมมุติผมเปลี่ยนตัวอย่างข้างบนว่า a มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกาย b คือใช้เพียงไม้ท่อนเล็กๆตีb แต่b นั้นยิงโต้ตอบกลับไป อย่างนี้จะอ้างป้องกันไม่ได้เพราะการกระทำของผู้ที่ตอบโต้นั้นไม่ได้สัดส่วน = ไม้ vs ปืน แต่อาจจะเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะคือได้รับการลดโทษ หากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรม ดังนั้นจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป
ส่วนการกระทำโดยจำเป็นนั้น โดยหลักจะต้องเป็นการกระทำต่อบุคคลที่สามกล่าวคือต้องไม่เป็นการกระทำต่อผู้ก่อภัยเหมือนเช่นกรณีป้องกัน หากภยันตรายมีความร้ายแรงเท่ากัน ต้องถือว่าเกินสัดส่วนและสมควรแก่เหตุปรับตามตัวอย่างเมื่อครู่ ex.a ขู่จะยิง b ถ้าb ไม่ยิง c จากนั้น b ก็ยิง c ตาย จะเห็นว่าภยันตรายนั้นมีความร้ายแรงพอๆกัน คือ b ถูก a ขู่จะยิง=ปิืน ตนก็เลยยิง c =ปืน แต่กฎหมายนั้นให้ถือว่าเกินสัดส่วนจึงเกินสมควรแก่เหตุ ดังนั้นจะถือว่า b กระทำโดยเหตุจำเป็นเพื่อยกเว้นโทษไม่ได้ ทั้งนี้ b จะอ้างบันดาลโทสะเพื่อลดโทษไม่ได้อีกเช่นกันเพราะว่าการบันดาลโทสะนั้นจะต้องกระทำต่อผู้ที่ข่มเหงด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งc นั้นเป็นผู้ที่ถูกกระทำไม่ได้เป็นผู้ที่ข่มเหง bเลย ฉะนั้นb อ้างบันดาลโทสะไม่ได้
ทำไม2ตัวอย่างข้างต้นจึงต่างกันเหตุเพราะ ป้องกันนั้นกระทำต่อ"ผู้ก่อภัย" แต่จำเป็นนั้นกระทำต่อ"บุคคลที่สาม" ซึ่งเขาไม่ได้มีส่วนผิดอะไรเลย กฎหมายจึงมองว่าการที่ bดำรงชีวิตของตนด้วยการทำลายชีวิตของ c จะถือว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุไม่ได้ นั่นหมายความกฎหมายมุ่งที่จะคุ้มครองบุคลลที่สามมากเพราะเขาไม่ควรจะมาตายโดยไม่มีความผิดอะไร
ปัญหาคือ แล้วชีวิตของ b ละไม่มีค่าหรอ? b ไม่มีค่าที่จะมีชีวิตอยู่ภายใต้การถูกบังคับของa หรอกหรือ เพราะเขาทำไปเพราะต้องรักษาชีวิตของเขา ประเด็นที่ผมนั่งหาคำตอบให้ตัวเองคือ แล้วมนุษย์เราเนี้ยจะหาอะไรมาวัดว่าใครมีค่ามากกว่าใคร ถ้าตอบแบบกวนตีนคือ"ก็ตามกรมธรรมน์ไงละ" งั้นเรามาลองตีราคาของคนกันเล่นๆว่าต้องใช้ทรัพยากรเท่าใดในการเลี้ยงคนหนึ่งคนขึ้นมา เอาถึงอายุซัก 20 ปี
ถ้าอาหารแต่ละมื้อมีมูลค่าเฉลี่ย 40 บาท ปีหนึ่ง ๆ มี 365 วัน หนึ่งวันกิน 3 มื้อ เท่ากับต้องกินอาหารปีละ 1095 มื้อ คิดเป็นแล้วก็ 43800 บาท
ดังนั้นถ้าเลี้ยงถึงอายุ 20 ปี เฉพาะค่าอาหารอย่างเดียวก็ตกเกือบ ๆ 1 ล้านบาทแล้วครับ(จากพันทิปครับ) นี่ยังไม่รวมถึงค่าสูญเสียโอกาสต่างในอนาคตอีกมากมายจิปาถะอีกเยอะแยะเลยครับ
ดังนั้นถ้าเลี้ยงถึงอายุ 20 ปี เฉพาะค่าอาหารอย่างเดียวก็ตกเกือบ ๆ 1 ล้านบาทแล้วครับ(จากพันทิปครับ) นี่ยังไม่รวมถึงค่าสูญเสียโอกาสต่างในอนาคตอีกมากมายจิปาถะอีกเยอะแยะเลยครับ
ถ้าคิดแบบนี้ แสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกตีค่าตีราคาได้หรือ อากาศที่คุณๆหายใจกันอยู่ต้องจ่ายมูลค่าของอากาศให้ใคร แล้วมูลค่าของการให้กำเนิดต้องจ่ายให้พ่อ-แม่หรือเปล่า ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นในกาลและเวลาต่างๆ มีมูลค่ามีราคาหรือเปล่า ความผูกพันต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งคุณจะตีราคาได้หรือ?
คล้ายกับเป็นปัญหาโลกแตก ผมไม่คิดอีกแล้ว แม้เราไม่สามารถตีราคาของคนๆหนึ่งได้ แต่เอาเป็นว่าในปัจจุบันคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ตัวเองได้เสมอนะครับ แล้วจงทำมันต่อไปเรื่อยๆ ขอหยิบประโยคของไอดอลผม(พี่เล็ก greasy cafe) มาปิดท้ายมหากาพย์การบ่นที่ยืดยาวของผม
"ตราบใดที่เรายังต้องการอากาศหายใจเหมือนคนอื่นๆก็พยายามอย่าคิดว่าเราพิเศษเหนือใครๆ"
ไดอารี่จากมธ.เมื่อผมไปแข่งตอบปัญหากฎหมาย
.
-มีนัดตอน04.45 น.ผมตื่นเต้นชิบหาย ทบทวนหนังสือก่อนสอบเสร็จประมาณ5 ทุ่ม แต่ผมหลับตอนตี 2 สรุปแล้วผมได้นอน 2 ชม.กว่าๆ ขึ้นรถตู้ตอนเช้าตรู่ ระหว่างที่นั่งรถก็อ่านธงคำตอบวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลไปพลางๆ
-07.00 แวะกินข้าวเช้าที่วังน้อย จากนั้นไปรีบบึ่งรถเพื่อไปลงทะเบียนตอน 08.30
-ไปถึงยิมเนเซียม(สถานที่แข่งขัน) หลังจากลงทะเบียนเสร็จพร้อมด้วยพิธีเปิดจาก อ.ณรงค์ ใจหาญ คนเขียนหนังสือวิ.อาญา ซึ่งผมรู้จักแต่ชื่อ แต่มาวันนี้ได้เห็นตัวจริงแล้ว แอบดีใจนิดๆ จากนั้นแนะนำ กรรมการ6คนที่มาเฉลยข้อสอบจาก 6สาขาวิชา มีอาญา แพ่ง วิแพ่ง วิอาญา มหาชน กฎหมายระหว่างประเทศ
คุณสมบัติคร่าวๆจากที่จำได้แต่ละคนอย่างเข้ม
*เนติทุกคน/เกียรตินิยม5/6คน-ดร3/6คน-รศ1/6คน-ผุ้พิพากษา1/6 คน
สารภาพตามตรงว่าไปแบบโง่มากๆครับ55
**ผมไปกับน้องปี 3 ด้วยคนนึงนะครับ ให้เครดิตด้วยบางเรื่องก็ลืมน้องเขาก็อุดให้อย่างดี**
-เปิดหัวข้อแรกก็เป๊ะเลย..ถุ้ย เรื่องรับขนข้อกา ถามเรื่องใบตราส่งมีอะไรบ้างในรายละเอียด ม.612 อยู่ในวิชาเอกเทศ3ครับซึ่งไมไ่ด้เรียนและไม่ได้เคยแตะ 555+ ข้อสอบง่ายมากเสมือนหนึ่งถามว่าจ่าหน้าซองของจดหมายมีอะไรบ้าง แต่..ผมไม่รู้เรื่องครับ = มั่วไป จากนั้นก็ผิด เริ่มข้อแรกก็ผิดเลย TT
ไล่เรียงไปเรื่อยๆผมก็ลืมว่าถามอะไรไปบ้างเพราะมีตั้ง 36ข้อ แต่จะเอาอันที่จำได้ละกัน ข้อต่อๆมาที่จำได้ครับ
ไล่เรียงไปเรื่อยๆผมก็ลืมว่าถามอะไรไปบ้างเพราะมีตั้ง 36ข้อ แต่จะเอาอันที่จำได้ละกัน ข้อต่อๆมาที่จำได้ครับ
-ข้อเขียนวิชากฎหมายระหว่างประเทศ ผมอ่านเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน สัญชาติ สนธิสัญญานิดหน่อย แต่โถ่ถัง ออกมาเรื่องไหล่ทวีป... นั่งเอ่อแดกเลยครับ มันคืออะไรกันนี่ ไหล่ทวีป ผมเลยจัดสกิลแถไป คะแนนแล้วแต่จะคิดนะครับ 55
-ต่อมาวิอาญาข้อเขียนครับ คำถามคือ.. a ปลอมเอกสารโฉนดที่ดิน b ไปขายให้ c ในราคา 5 แสน คำถามคือ = b จะเรียกค่าสินไหมทดแทนในคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องได้ไหม?
คำตอบคือไม่ได้ครับเพราะอะไรนี่ลืม อันนี้ตอบถูกครับ แต่ได้ไม่เต็มเพราะเหตุผลไม่ชัดเท่าไร
คำตอบคือไม่ได้ครับเพราะอะไรนี่ลืม อันนี้ตอบถูกครับ แต่ได้ไม่เต็มเพราะเหตุผลไม่ชัดเท่าไร
-กฎหมายระหว่างประเทศครับข้อเขียน..แม่งมาอีกแล้ว ข้อสอบประมาณว่า อังกฤษได้ยกดินแดนให้มาเลเซีย แต่มาเลเซียไม่ได้กำหนดให้เกาะดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่อาณาเขตประเทศมาเลเซียครับ แล้วเหมือนเกาะนี้ทับซ้อนกับสิงคโปรอยู่ มาเลเซียจึงไปขอสิทธิในการขุดเจาะบ่อน้ำมันจากสิงคโปร ต่อมาสิงคโปรอ้างสิทธิในเกาะๆนี้ ปัญหาคือสิงคโปรกับมาเลเซียใครมีสิทธิดีกว่ากัน = ธงคือมาเลเซียสละเจตนาการถือสิทธิในเกาะนั้นแล้ว เพราะถ้ามาเลเซียมีสิทธิในเกาะนั้นจริงๆแล้วเหตุไฉนจึงมาขอสิทธิในการขุดบ่อน้ำมันจากสิงคโปร --จบสิครับ
-กฎหมายอาญาอันนี้จัดหนักเพราะอ่านมาเยอะ a เห็นหมาของ b คิดว่าเป็นของตัวเองเลยเอามา / a จะขโมยหมาของ c แต่เป็นหมาของตัวเอง ข้อเขียนข้อนี้ง่ายมากเพราะเป็นหลักทั่วๆไปในเรื่องเจตนา คำตอบคือ ปด.1ขาดเจตนา
ปด.2 ขาดองค์ประกอบของความผิดฐานลักทรัพย์ = แจกแต้มเลยข้อนี้
ปด.2 ขาดองค์ประกอบของความผิดฐานลักทรัพย์ = แจกแต้มเลยข้อนี้
-อาญามาอีกข้อเป็นเรื่องของการกระทำโดยงดเว้น a จ้าง b ให้ฆ่า c ต่อมา b เห็น c กำลังจมน้ำแต่ไม่ช่วย = ไม่ถือเป็นการงดเว้นเพราะ b ไม่มีหน้าที่โดยเฉพาะเจาะจงในการป้องกันผลที่เกิดขึ้นคือช่วย c ผิดเพียงลหุโทษ/ a รับโทษเพียง 1/3 เพราะความผิดยังไม่กระทำลง
-กฎหมายอาญาข้อกา a จะยิง bข้างหลัง ในขณะนั้น b ทำความสะอาดปืนโดยประมาทปืนลั่นไปโดน a แล้วพลาดไปโดน c ตาย อันนี้สบายเลย b ประมาทต่อ a ไม่เป็นพลาดเพราะไม่เจตนา ไม่เป็นป้องกันเพราะป้องกันต้องเป็นการกระทำโดยเจตนาเท่านั้นข้อนี้หมูเลย
-อาญาข้อเขียน(ส่วนมากจำได้แต่อาญา) a ยิงปืนในระยะ5เมตรลงดินเพื่อขู่ b แล้วกระสุนเด้งไปโดน c บาดเจ็บ อันนี้เป็นฎีกา =ผมตอบ a ไม่มีเจตนาฆ่าจึงไม่เป็นพลาดไม่ต้องรับผิดต่อ c .... ค่อนข้างมั่นใจเพราะคิดว่าเป็นการยิงเพื่อขู่ พอเฉลยออกมาลุกตาแทบถลนครับ .. การที่ a ยิงไปที่พื้นดินในระยะ5เมตร การพิจารณาถึงเจตนาต้องพิจารณาจากอวัยวะและภาวะวิสัยที่ยิง ปืนเป็นวัตถุที่อันตรายและยิงในระยะเพียง5เมตรย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าจะไปถูก a ซึ่งอยู่ใกล้ๆอย่างแน่นอน จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาเล็งเห็นผลaรับผิดต่อ b โดยเจตนาฆ่าเมื่อพลาดไปถูก c บาดเจ็บจึงเป็นพยายามฆ่า c โดยพลาด
โอ้โฮ...ข้อนี้โครตเจ็บ TT
โอ้โฮ...ข้อนี้โครตเจ็บ TT
-กฎหมายแพ่งข้อเขียน aเมาสุราแล้วเอาเท้าวางบนไหล่ b ภริยาโดยมีแผลเพียงเล็กน้อย ต่อหน้าลูกผู้เยาว์ที่กำลังดูทีวี ถามว่าเป็นเหตุฟ้องหย่าไหม?
ผมกับน้องคุยกันนิดหน่อยประมาณว่า "มันบาดเจ็บแค่นิดเดียวคงไม่เป็นเหตุฟ้องหย่าหรอกพี่" เห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นเหตุร้ายแรง ซึ่งผมก็เห็นด้วยเลยจัดไป ...
ธงคือ ฟ้องหย่าตาม 1516(3) สามีหรือภริยาทำร้ายหรือทรมานร่างกาย หรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ถ้าเป็นการร้ายแรง... คำพิพากษาศาลฎีกาอีกแล้วคร่าวๆคือศาลดูว่าผัวเอาเท้าวางบนไหล่ต่อหน้าบุตรผู้เยาว์ ผัวเป็น ผอ.โรงเรียนด้วยพฤติการณ์เห็นว่าไม่ควรทำแบบนั้นต่อหน้าบุตรเพราะเป็นการเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง.. --
ผมกับน้องคุยกันนิดหน่อยประมาณว่า "มันบาดเจ็บแค่นิดเดียวคงไม่เป็นเหตุฟ้องหย่าหรอกพี่" เห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นเหตุร้ายแรง ซึ่งผมก็เห็นด้วยเลยจัดไป ...
ธงคือ ฟ้องหย่าตาม 1516(3) สามีหรือภริยาทำร้ายหรือทรมานร่างกาย หรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ถ้าเป็นการร้ายแรง... คำพิพากษาศาลฎีกาอีกแล้วคร่าวๆคือศาลดูว่าผัวเอาเท้าวางบนไหล่ต่อหน้าบุตรผู้เยาว์ ผัวเป็น ผอ.โรงเรียนด้วยพฤติการณ์เห็นว่าไม่ควรทำแบบนั้นต่อหน้าบุตรเพราะเป็นการเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง.. --
*ต่อมาก็เก็บแต้มจากมหาชนซึ่งส่วนใหญ่จะออกกฎหมายปกครองมา แล้วก็วิแพ่ง วิอาญา สรุปคะแนนคือได้อันดับกลางๆตารางซึ่งทีแรกคิดมาตลอดว่า
"กูจะที่โหล่ไหมเนี้ย" 555 สิ่งสำคัญที่ได้คือประสบการณ์ดีๆและก็สนุกมากๆ เอาน่าาา พัฒนากันต่อไป..
"กูจะที่โหล่ไหมเนี้ย" 555 สิ่งสำคัญที่ได้คือประสบการณ์ดีๆและก็สนุกมากๆ เอาน่าาา พัฒนากันต่อไป..
จบ-ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบปากเปล่าพรุ่งนี้ต่อ
A Few Good Men
งานวิชาสิทธิมนุษยชนเมื่อเทอมที่แล้ว - อยากโพสเก็บไว้ ^__^
วิจารณ์หนัง A few good men-เทพบุตรเกียรติยศ ใครเคยดูแล้วก็มาเม้าท์กันได้งัฟ คิดว่าเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่นักศึกษากฎหมายควรดูอย่างยิ่ง
วิจารณ์หนัง A few good men-เทพบุตรเกียรติยศ ใครเคยดูแล้วก็มาเม้าท์กันได้งัฟ คิดว่าเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่นักศึกษากฎหมายควรดูอย่างยิ่ง
หนังเรื่องนี้สร้างมาจากนวนิยาย novel ของ aron sorkinเป็นหนังเกี่ยวกับคดีในศาลทหาร หนังเรื่องนี้มีประเด็นว่า ผู้บังคับบัญชา(ในเรื่องจะเป็นนาวิกโยธิน) ได้สั่งให้ลูกน้องของตนฆ่าพลทหารคนนึงเพียงเพราะว่าเขานั้นอ่อนแอ ขี้โรค ไม่สมควรที่จะมาทำหน้าที่ในส่วนนี้ถือว่าเป็นความเสื่อมเสียของเหล่านาวิกโยธิน โดยใช้คำว่าเกียรติ หลักการมาเป็นข้ออ้างในการฆ่าชีวิตคนๆนึงอย่างไร้ความหมาย ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันว่าระบบของทหารนั้นจะต้องทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด นั่นหมายความถึงการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป้าประสงค์สูงสุดคือการ "ปกป้องประเทศ"
การปกป้องประเทศชาติก็เสมือนหนึ่งว่าหากมีทหารที่ดีก็จะเป็นเกราะกำบังไม่ให้ประเทศชาติได้รับอันตราย ดังคำพูดของนายพลในหนังที่พูดว่า”เราอยู่ในโลกที่โอบล้อมด้วยกำแพงที่มีคนถืออาวุธ” ทำให้รู้ว่าในแง่ของทหารนั้นผู้บังคับบัญชานั้นก็มองว่าหน้าที่ของตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่มีเกียรติ เพราะจะต้องดูแลผู้คนส่วนรวมในประเทศ เป็นเมื่อพิจารณาแล้วสามารถมองได้อีกด้านหนึ่งจะเห็นว่าความคิดของผู้บังคับบัญชาในหนังเรื่องนี้นั้นแม้จะทำไปเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง อันมาซึ่งความสามัคคีในหมู่เหล่า แต่ในทางกลับกัน พลทหารที่ถูกสั่งฆ่าเขาไม่มีเลือดเนื้อหรอกหรือ? เขาไม่แม้แต่จะมีสิทธิที่ได้รับการปฏิบัติเยี่ยงมนุษย์คนหนึ่งอย่างนั้นหรือ? หรือเขาเป็นเพียงคนส่วนน้อยที่จำต้องตายเพื่อที่ประเทศชาติจะได้สงบทั้งๆที่เขาก็เป็นมนุษย์คนนึงเช่นกัน ทุกชีวิตนั้นย่อมมีค่า ไม่ว่าจะอ่อนแอหรือเข็มแข็ง ทุกคนสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่โลกได้ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉะนั้นไม่ควรตัดสินว่าชีวิตใครมีค่ามากว่ากัน
ทั้งพลทหารที่ถูกสั่งให้ไปฆ่าก็ไม่มีสำนึกในคำสั่งที่ถูกหรือผิด ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกับนาวิกโยธิน ไม่รู้จักหัดใช้วิจารณญาณว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด สักแต่ว่าจะต้องทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไม่ได้เห็นใจถึงคุณค่าของเพื่อนมนุษย์เลย แม้เขาจะเป็นคนที่อ่อนแอ แต่เขาไม่สมควรที่จะถูกกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมอย่างนี้ หากจะกล่าวว่าเรื่องนี้ถือเป็นมุมมืดของจารีตประเพณีในหน่วยของทหาร ความภาคภูมิใจ ความมีระเบียบวินัยและเข็มแข็งก็คงไม่ผิดนัก
Egg
เมื่อเย็นวันนี้ ไปขายไข่เป็ดช่วยแม่ เจอลูกค้าคนหนึ่งแขนกุดทั้งสองข้าง แม้เพียงสองสามวินาทีที่เอาไข่ไปวางไว้ในรถเขา ทึ่งนิดหน่อยคือเพลงในรถเป็นเพลงร็อคที่กระหึ่มต่างจากหน้าตาพี่แกที่ดูเนิบๆอย่างสิ้นเชิง ระหว่างนั้นพี่แกเลื่อนไปเปลี่ยนเพลง ขยับแขนไปกดสวิตท์เปิดหน้าต่าง ยิ้มแย้มตลอด ใส่สูทแบบว่าดูดีในระดับหนึ่ง ขับเชฟโรฯสีดำ พี่แกเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์เหมือนใครๆแค่ภายนอก แต่นั่นโครตไม่มีปัญหาอะไรสำหรับการใช้ชีวิตเลย ไม่มีระยะห่าง ของความแตกต่างทั้งนั้น มันเท่าเทียม ซาบซึ้งและประทับใจสำหรับผมมาก
ทำไมหลายๆคนชอบสำคัญว่าตัวเองเหนือคนอื่น อะไรทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกแบบนั้น หน้าที่การงานหรือสิ่งที่รายล้อมรอบตัวเขาหรืออะไรก็ตามแต่ เราเชื่อว่าที่สุดแล้วมันเกิดจากการที่คนคนนั้นรู้สึกไปเองหรือเปล่า การเกิดมาของเด็กคนหนึ่งก็คือเด็กคนหนึ่ง ต่อให้เกิดที่ไหนมีสภาวะทางการเกิดแตกต่างกันอย่างไรก็คือเด็กคนหนึ่งมีความหมายเหมือนกัน แต่ทำไมพอเด็กคนนั้นพร้อมกับเด็กคนอื่นอีกหลายๆคน เมื่อโตไปพร้อมกันแต่ความหมายมันช่างต่างกันเหลือเกิน คนนั้นก็หายใจเหมือนคนนี้ไม่ใช่หรือ เอาอะไรมาบอกว่าคนนี้มีความสำคัญมากที่สุดในโลก และอีกคนหนึ่งไม่มีความสำคัญ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)